วันพฤหัสบดีที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2555

10th assignment : Combining Sentence




-- Combining Simple Sentences  -

9.1 Combining Simple Sentences to Make Compound Sentences

        compound sentence หรือประโยคประสม คือประโยคที่ประกอบด้วยประโยคย่อยอิสระ ( independent clause) ซึ่งเป็นประโยคความเดียว ( simple sentence) ที่มีความหมายเกี่ยวข้องสัมพันธ์กันตั้งแต่ 2 ประโยคขึ้นไป รวมกันเป็นประโยคเดียวโดยในการเชื่อมความ อาจใช้ ( 1) เครื่องหมายอัฒภาค หรือ semi-colon (;) (2) คำสันธานประเภท coordinating conjunction ซึ่งเป็นคำสันธานที่ใช้เชื่อมประโยคที่สมบูรณ์สองประโยคเข้าด้วยกัน หรือ ( 3) คำกริยาวิเศษณ์ที่ใช้ในการเชื่อมความ ( conjunctive adverb) ดังตัวอย่าง
simple sentence:   Laura works forty hours a week.
simple sentence:   She goes to school at night.
compound sentence:  (1) Laura works forty hours a week; she goes to school at night.
(2) Laura works forty hours a week, and she goes to school at night.
(3) Laura works forty hours a week; thus , she goes to school at night.
                    
9.1.1 Connecting Sentences with Semi-colons (;)           
        ประโยคย่อยอิสระซึ่งเป็นประโยคความเดียวที่มีความหมายเกี่ยวข้องสัมพันธ์กันมากกว่าหนึ่งประโยค สามารถรวมให้เป็นประโยคเดียวโดยการใช้เครื่องหมายอัฒภาคหรือ semicolon (;) ดังตัวอย่างต่อไปนี้                 
        I do not like him; he complains all the time.
        She understood the situation; her sister did, too.
        I feel sorry for Henry; he's not good at anything.
        Money isn't important; you can't buy happiness.
        Here's the report; I've been reading it all morning.
        I've just inspected that batch; the customer is certainly not going to accept it.
        Smart employers do not just use ads to attract recruits; they also use them to create the
             company image they want to project.
        The emphasis on strategic human resource management is one change in what human resource
             managers do; a focus on productivity and performance is another.
    9.1.2  Connecting Sentences with Coordinating Conjunctions         
        ประโยคย่อยอิสระซึ่งเป็นประโยคความเดียวที่มีความหมายเกี่ยวข้องสัมพันธ์กันมากกว่าหนึ่งประโยค สามารถรวมให้เป็นประโยคเดียวโดยการใช้คำสันธานประเภท coordinating conjunction อาทิ and, but, yet, or, nor, for, so ซึ่งเป็นคำสันธานที่ใช้เชื่อมประโยคที่สมบูรณ์สองประโยคเข้าด้วยกัน ( นักศึกษาสามารถศึกษาทบทวนเกี่ยวกับ coordinating conjunctions ได้จากโมดูลที่ 6 Connectors) ในการใช้คำสันธานเชื่อมความเหล่านี้ นิยมใส่เครื่องหมายจุลภาคหรือ comma (,) หน้าคำสันธานเชื่อมประโยคย่อยอิสระ เพื่อช่วยในการแบ่งข้อความแต่ละส่วนให้เกิดความชัดเจนและอ่านเข้าใจง่าย บางกรณีการละเครื่องหมาย comma อาจทำให้สับสนและเข้าใจเนื้อหาสาระ
คลาดเคลื่อนได้

        1) connecting sentences with ‘and' (showing addition = และ) เป็นการเชื่อมประโยคที่มีข้อความในลักษณะของการเสริมความกัน คล้อยตาม หรือเป็นไปในทิศทางเดียวกัน
            My mother does not like ham, and eggs make her sick.
            ( แม่ของฉันไม่ชอบแฮมและไข่ก็ทำให้เธอรู้สึกคลื่นเหียนด้วย)
            The negotiations went quite well, and they will accept our price.           
            ( การเจรจาต่อรองเป็นไปได้ด้วยดีทีเดียวและพวกเขาจะตกลงยอมรับราคาของเรา)
            Everything is ready at the new offices, and we're moving in next week.
            ( ทุกสิ่งทุกอย่างที่สำนักงานแห่งใหม่พร้อมแล้วและเรากำลังจะย้ายเข้าในสัปดาห์หน้านี้)
            Bill went with us to the movie, and Nancy joined us later at the cinema.
            ( บิลไปชมภาพยนตร์กับเราและแนนซี่ก็ตามไปที่โรงภาพยนตร์ด้วย)
            We made a loss last year, and we decided to review our policy.            
            ( เราขาดทุนเมื่อปีที่ผ่านมาและเราก็ได้ตัดสินใจแล้วว่าจะทบทวนนโยบายของเรา)

        2) connecting sentences with ‘but' (showing contrast = แต่) เป็นการเชื่อมประโยคที่มีข้อความในลักษณะของการขัดแย้งกันหรือเป็นไปในทิศทางตรงกันข้ามกัน
            I understood it, but it was hard to explain.
            ( ฉันเข้าใจมัน แต่มันก็ยากที่จะอธิบาย)
            Natalie looked for her watch, but she couldn't find it.
            ( นาตาลีมองหานาฬิกาข้อมือของเธอ แต่เธอก็หามันไม่พบ)
            It's a very attractive offer, but I'm going to have to turn it down.
            ( มันเป็นข้อเสนอที่น่าสนใจมาก แต่ว่าฉันก็จะต้องปฏิเสธมันไป)
            I like working fixed hours, but my staff prefer working flexitime.            
            ( ฉันชอบการทำงานที่มีการกำหนดเวลาทำงานที่แน่นอนตายตัว แต่เจ้าหน้าที่/บุคลากรของฉันชอบ
            การทำงานที่สามารถเลือกเวลาการทำงานได้เองมากกว่า คำว่า flexitime เป็นการใช้คำตามแบบอังกฤษ
            อเมริกันจะใช้ flextime)
            They will accept our price, but they refused the 30-day clause of the payment term.            
            ( พวกเขาจะตกลงยอมรับราคาของเรา แต่พวกเขาได้ปฏิเสธเงื่อนไขการชำระเงินภายใน 30 วัน)

        3) connecting sentences with ‘yet' (showing contrast = ถึงกระนั้นก็ตาม แต่ก็ แต่กระนั้น) เป็นการเชื่อมประโยคที่มีข้อความที่ขัดแย้งกัน
            Frank was discouraged, yet he did not give up.
            ( แฟรงก์รู้สึกท้อแท้หมดกำลังใจ ถึงกระนั้นก็ตาม เขาก็ไม่ยอมแพ้)
            We have reduced our price, yet sales are still down.
            ( เราได้ลดราคาลงแล้ว แต่กระนั้นยอดขายก็ยังต่ำอยู่)
            This hospital lacks nurses, yet it provides excellent service to its patients.            
            ( โรงพยาบาลแห่งนี้ขาดแคลนพยาบาล แต่กระนั้นก็ยังสามารถให้บริการที่ยอดเยี่ยมแก่คนไข้ได้)
            My mother is always very busy with her work, yet she takes great care of me.
            ( แม่ของฉันงานยุ่งมากอยู่เสมอ ถึงกระนั้นก็ตาม ท่านก็ดูแลฉันเป็นอย่างดียิ่ง)
            I was so exhausted last night, yet I tried to finish writing up my new project proposal.
            ( ฉันรู้สึกเหน็ดเหนื่อยอ่อนเพลียมากเมื่อคืนนี้ แต่กระนั้นฉันก็ได้พยายามเขียนข้อเสนอ
            โครงการใหม่จนแล้วเสร็จ)

        4) connecting sentences with ‘or' (giving a choice = หรือ หรือมิฉะนั้น)            
            เป็นการเชื่อมประโยคที่มีข้อความในลักษณะที่เป็นการให้เลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง กล่าวคือ หากไม่เป็นไปตามประโยคหรือข้อความแรก ก็จะเป็นไปตามประโยคหรือข้อความหลัง
            You can go with them, or you can stay here.
            ( คุณจะไปกับพวกเขาหรือคุณจะอยู่ที่นี่ก็ได้)
            We must study hard, or we may fail the final examination.
            ( เราต้องเรียนหนักหรือมิฉะนั้นเราจะสอบไล่ไม่ผ่าน)
            I will arrange a taxi for you, or one of my colleagues will.            
            ( ฉันจะจัดการเรียกรถแท๊กซี่ให้คุณหรือมิฉะนั้นเพื่อนร่วมงานคนหนึ่งของฉันจะจัดการให้)

        5) connecting sentences with ‘nor' (showing negative of both events = และไม่)            
            เป็นการเชื่อมประโยคที่มีข้อความในลักษณะที่เป็นเชิงปฏิเสธทั้งสองประโยค ขอให้สังเกตว่า เมื่อใช้ nor ซึ่งเป็นคำสันธานเชิงปฏิเสธนำหน้าประโยคที่สองเพื่อเชื่อมความเข้ากับประโยคแรกแล้วนั้น ในประโยคที่สองจะต้องอยู่ในโครงสร้างแบบประโยคคำถาม กล่าวคือ มีการสลับที่ระหว่างประธานกับกริยา กรณีที่มีกริยาช่วย กริยาช่วยจะวางไว้หน้าประธาน
            He will not go abroad, nor will he furthe r his studies. ( He will not go abroad. He will not
            further his studies. เขาจะไม่ไปต่างประเทศและเขาจะไม่ศึกษาต่อ)

            I did not have breakfast today , nor did stop for lunch. ( I did not have breakfast today. 
            I did not stop for lunch. ฉันไม่ได้รับประทานอาหารเช้าวันนี้และฉันก็ไม่ได้หยุดเพื่อ
            รับประทานอาหารกลางวัน)

            I can't remember his name, nor can remember his nationality. ( I can't remember
            his name. I can't remember his nationality. ฉันจำชื่อของเขาไม่ได้ และฉันก็จำสัญชาติ                 
            ของเขาไม่ได้ด้วย)

            Alice will not study her lessons, nor will she do her homework. ( Alice will not study her
            lessons. Alice (She) will not do her homework. อลิซจะไม่ศึกษาบทเรียนและเธอก็จะ
            ไม่ทำการบ้านของเธอ)

        6) connecting sentences with ‘for' (giving a cause = because เพราะ)        
            เป็นการเชื่อมประโยคที่มีข้อความในลักษณะที่เป็นเหตุเป็นผลแก่กัน ข้อความในประโยคแรกแสดงผล ข้อความที่นำหน้าด้วยคำสันธาน for แสดงเหตุ
            Tony is rich, for he saves a lot.
            ( โทนี่รวย เพราะเขาออมเงินไว้มาก)
            I stopped working on the report, for I was tired.
            ( ฉันหยุดทำรายงาน เพราะฉันรู้สึกเหนื่อย)
            We must do something about Cathy, for she seems very unhappy.            
            ( เราต้องทำอะไรสักอย่างเกี่ยวกับแคธี่ เพราะเธอดูไม่มีความสุขมากนัก)
            The matter creates some difficulty, for present-day scholars are not in accord with it.            
            ( เรื่องนี้ก่อให้เกิดความยุ่งยากบางประการ เพราะนักวิชาการในปัจจุบันนี้ไม่เห็นด้วยกับเรื่องดังกล่าว)
            I'm afraid you can't speak to Mr. Griffiths now, for he's in a meeting.
            ( ฉันเกรงว่าคุณจะไม่สามารถพูดกับคุณกริฟฟิธส์ได้ในตอนนี้ เพราะเขากำลังประชุมอยู่)

        7) connecting sentences with ‘so' (showing result = ดังนั้น)
            เป็นการเชื่อมประโยคที่มีข้อความในลักษณะที่เป็นเหตุเป็นผลแก่กัน ข้อความในประโยคแรกแสดงเหตุ ข้อความที่นำหน้าด้วยคำสันธาน so แสดงผล
            He cheated on her, so she broke up with him.
            ( เขานอกใจเธอ ดังนั้นเธอจึงได้เลิกกับเขา)
            This matter is not urgent, so we can discuss it at our next meeting.
            ( เรื่องนี้ไม่ด่วน ดังนั้นเราสามารถหารือเรื่องนี้ในการประชุมคราวหน้าได้)
            This is a very busy period for us, so we need to speed up production.
            ( นี่เป็นช่วงที่ยุ่งมากสำหรับเรา ดังนั้นเราจำเป็นต้องเร่งการผลิต)
            My husband has just received the bad news, so I've got to see him right away.
            ( สามีของฉันเพิ่งได้รับข่าวร้าย ดังนั้นฉันจะต้องรีบไปดูเขาทันที)
  9.1.3 Connecting Sentences with Conjunctive Adverbs         
        ประโยคย่อยอิสระซึ่งเป็นประโยคความเดียวที่มีความหมายเกี่ยวข้องสัมพันธ์กันมากกว่าหนึ่งประโยค
สามารถรวมให้เป็นประโยคเดียวโดยการใช้คำกริยาวิเศษณ์ที่ใช้ในการเชื่อมความ (conjunctive adverb)
        นักศึกษาสามารถศึกษาทบทวนเกี่ยวกับ conjunctive adverb ที่ใช้นำหน้าข้อความที่แสดงจุดประสงค์เพื่อเสริมความ แสดงความขัดแย้ง แสดงทางเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง แสดงเหตุผล แสดงการยกตัวอย่าง แสดงการเน้น พูดซ้ำความเดิมเพื่ออธิบายให้เข้าใจยิ่งขึ้น แสดงการสรุป แสดงการเปรียบเทียบ และแสดงลำดับเวลา ได้จากโมดูลที่ 6 Connectors อย่างไรก็ดี ตัวอย่างที่นำเสนอในโมดูลที่ 6 บางส่วนจะเป็นการนำเสนอการแสดงความสัมพันธ์ของประโยคมากกว่าหนึ่งประโยค โดยไม่ได้รวมให้เป็น compound sentence เพียงประโยคเดียว เพราะบางครั้งการเขียนรวมกันเป็นประโยคเดียวอาจทำให้ประโยคยาวเกินไปและไม่เป็นธรรมชาติมากนัก
        ในโมดูลนี้จะไม่นำเสนอคำอธิบายเกี่ยวกับ conjunctive adverb โดยละเอียดซ้ำอีก แต่จะเน้นการยกตัวอย่างของ compound sentence ที่ใช้ conjunctive adverb ต่าง ๆ กันไปเท่านั้น ในการเชื่อมความประเภทนี้นิยมใส่เครื่องหมายอัฒภาคหรือ semicolon (;) ข้างหน้าและใส่เครื่องหมายจุลภาคหรือ comma (,) ข้างหลัง conjunctive adverb เพื่อช่วยในการแบ่งข้อความแต่ละส่วนให้เกิดความชัดเจนและอ่านเข้าใจง่าย ดังตัวอย่างต่อไปนี้
        Rob is handsome; moreover , he is very helpful.
             ( ร็อบเป็นคนหล่อ ยิ่งกว่านั้นเขาเป็นคนที่เต็มใจช่วยเหลืออย่างมาก)
             ประโยคนี้ใช้ moreover เพื่อแสดงการเสริมความกัน คล้อยตาม หรือเป็นไปในทิศทางเดียวกัน
             มีความหมายว่า ‘ นอกจากนั้น ยิ่งกว่านั้น ' เช่นเดียวกับคำอื่นในกลุ่มเดียวกัน เช่น
             besides, furthermore, in addition เป็นต้น
             ขอให้เปรียบเทียบกับการใช้ coordinating conjunction and
            
        Frank was discouraged; however , he did not give up.
             ( แฟรงก์รู้สึกท้อแท้หมดกำลังใจ แต่ทว่าเขาก็ไม่ยอมแพ้)
             ประโยคนี้ใช้ however เพื่อแสดงข้อความที่ขัดแย้งกัน มีความหมายว่า ‘ อย่างไรก็ตาม แต่ว่า ทว่า '        
             เช่นเดียวกับคำอื่นในกลุ่มเดียวกัน เช่น nevertheless, nonetheless, on the contrary เป็นต้น             
             ขอให้เปรียบเทียบกับการใช้ coordinating conjunction yet

        We must study hard; otherwise , we may fail the final examination.
             ( เราต้องเรียนหนัก มิฉะนั้นเราจะสอบไล่ไม่ผ่าน)
             ประโยคนี้ใช้ otherwise เพื่อแสดงทางเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง มีความหมายว่า ‘ มิฉะนั้น '
             เช่นเดียวกับคำว่า or else, if not ขอให้เปรียบเทียบกับการใช้ coordinating conjunction or

        Josh wasn't qualified for the job; therefore , he didn't get it.
             ( จ๊อชไม่มีคุณสมบัติเหมาะสมกับงาน ดังนั้น เขาจึงไม่ได้งาน)
             ประโยคนี้ใช้ therefore เพื่อแสดงเหตุผล มีความหมายว่า ‘ ดังนั้น ' เช่นเดียวกับคำในกลุ่มของ
             thus, accordingly, consequently, as a result, for this reason, hence ขอให้เปรียบเทียบกับการใช้
             coordinating conjunction so

        A few simple precautions can be taken; for example , ensuring that desks are the right height.
             ( เราอาจดำเนินการป้องกันไว้ล่วงหน้าอย่างง่ายๆ สักสองสามประการ ตัวอย่างเช่น
             ทำให้แน่ใจว่าโต๊ะมีระดับความสูงที่ถูกต้อง)
             ประโยคนี้ใช้ for example เพื่อแสดงการยกตัวอย่าง มีความหมายว่า ‘ ตัวอย่างเช่น '
             เช่นเดียวกับคำอื่นในกลุ่มเดียวกัน เช่น for instance, namely, in particular เป็นต้น

        Joan Davis didn't go to university; in fact , she left school at 16.
             ( โจน เดวิส ไม่ได้เรียนมหาวิทยาลัย อันที่จริงแล้ว เธอออกจากโรงเรียนตอนอายุ 16 ปี)
             ประโยคนี้ใช้ in fact เพื่อแสดงการเน้น มีความหมายว่า ‘ อันที่จริงแล้ว แท้จริงแล้ว '             
             เช่นเดียวกับคำอื่นในกลุ่มเดียวกัน เช่น actually, indeed, as a matter of fact เป็นต้น

        I can't eat, I can't sleep, and I can't work; in other words , all I think about is you.
             ( ฉันกินไม่ได้ (ฉัน)นอนไม่หลับ และ(ฉัน)ทำงานไม่ได้ อีกนัยหนึ่งคือ สิ่งเดียวที่ฉันนึกถึงก็คือคุณ)
             ประโยคนี้ใช้ in other words เพื่อพูดซ้ำความเดิมเพื่ออธิบายให้เข้าใจยิ่งขึ้น มีความหมายว่า ‘ อีกนัยหนึ่ง              กล่าวอีกอย่างหนึ่งได้ว่า นั่นคือ ' เช่นเดียวกับคำอื่นในกลุ่มเดียวกัน เช่น that is, that is to say เป็นต้น

        This book has a lot of useful information for those who want to learn about watching birds;
             in brief , it is a good introduction to bird watching.
             ( หนังสือเล่มนี้มีข้อมูลที่เป็นประโยชน์มากมายสำหรับคนที่ชอบเรียนรู้เกี่ยวกับการดูนก กล่าวโดยสรุปได้ว่า              หนังสือเล่มนี้เป็นการแนะนำที่ดีเกี่ยวกับการดูนก)
             ประโยคนี้ใช้ in brief เพื่อแสดงการสรุป มีความหมายว่า ‘ กล่าวโดยสรุป กล่าวอย่างสั้น ๆ ได้ว่า '             
          เช่นเดียวกับคำอื่นในกลุ่มเดียวกัน เช่น in short, in conclusion, in summary, in a word เป็นต้น

        Pim loves going to parties; similarly , her brother always hangs out with his friends.
             ( พิมชอบการไปงานเลี้ยงมากจริงๆ และเช่นเดียวกัน น้องชายของเธอมักออกไปสังสรรค์กับเพื่อนๆ
             ของเขาอยู่เสมอ)
             ประโยคนี้ใช้ similarly เพื่อแสดงการเปรียบเทียบหรือเปรียบเหมือน ( showing comparison)
             มีความหมายว่า ‘ เช่นเดียวกัน ' เช่นเดียวกับการใช้คำอื่นในกลุ่ม เช่น likewise, in the same manner,
             in the same way เป็นต้น

        I want to be able to speak English fluently for my trip to London; meanwhile , I practice
             speaking it every day.
             ( ฉันต้องการจะพูดภาษาอังกฤษให้คล่องเพื่อการเดินทางไปยังกรุงลอนดอนของฉัน ในขณะเดียวกัน             
             ฉันฝึกพูดภาษาอังกฤษทุกวัน)
             ประโยคนี้ใช้ meanwhile เพื่อแสดงลำดับเวลา มีความหมายว่า ‘ ในระหว่างนั้น ในขณะเดียวกันนั้น '                          คำกริยาวิเศษณ์แสดงลำดับเวลาอื่น ๆ เช่น first, next, lastly, finally, then เป็นต้น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น